พวงหรีดในสมัยนี้ได้นำเอาของใช้เครื่องเรือนมาประกอบกันเป็นพวงหรีดรูปแบบใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พัดลม ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ไม่เว้นการให้ธรรมเป็นทานด้วยพวงหรีดหนังสือซึ่งถ้าคุณเคยไปร่วมงานศพตามวัดต่างๆ คุณคงจะเคยเห็นพวงหรีดดอกไม้สด การจัดพวงหรีดดอกไม้สดนั้นก็เพื่อบรรเทาบรรยากาศเศร้าๆให้คลายลงในระดับหนึ่ง ซึ่งการจัดพวงหรีดดอกไม้สดนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นประเพณีนิยมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในวันนี้ร้านพวงหรีดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว การใช้สิ่งของเพื่อแสดงความอาลัยแก่ผู้ตายก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเช่นกัน
การไว้อาลัยผู้เสียชีวิตแต่เดิมที่นิยมนำพวงหรีดดอกไม้สดไปให้กันนั้นถูกมองจากคนกลุ่มหนึ่งว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีน้อยหากเปรียบเทียบราคาที่เฉลี่ยตั้งแต่ 600 – 3000 บาท ซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์หันมามองว่าเมื่อเสร็จสิ้นงานศพแล้วพวงหรีดดอกไม้สดจะทำให้วัดและกรรมการของวัดต้องรับภาระค่าทำลายพวงหรีดค่อนข้างสูง จึงได้มีแนวคิดการนำพัดลมมาเป็นพวงหรีดขึ้น จุดเริ่มต้นนั้นเกิดจากการที่ผู้ประกอบการรายหนึ่งได้ไปร่วมงานศพแห่งหนึ่งแล้วมีโอกาสคุยกับพระในวัดนั้น ท่านก็เล่าให้ฟังว่าคนไทยนิยมไว้อาลัยผู้ตายตามความชอบของตัวเองแต่ไม่เคยรู้ว่าได้สร้างภาระให้แก่วัดหรือไม่ โดยเฉพาะการนำดอกไม้สดไปร่วมไว้อาลัย เมื่อเสร็จงานก็เป็นหน้าที่ของทางวัดที่ต้องรื้อพวงหรีดดอกไม้สดเหล่านั้นเพื่อนำไปกำจัดทิ้งด้วยวิธีเผาหรือฝัง
นอกจากนี้การนำพัดลมมาเป็นพวงหรีดนั้นได้เชื่อว่า ผู้นำพัดลมไปถวายวัดจะได้อานิสงฆ์เช่นเดียวกับการนำพัดไปถวายเมื่อครั้งอดีตจะช่วยให้สามารถขจัดปัญหาอุปสรรค พัดเรื่องร้ายๆออกไปจากชีวิตได้ อีกทั้งยังมีการนำต้นไม้มาทำเป็นพวงหรีด เช่น ต้นโมก หรือไม้ดอกไม้ประดับอื่นๆ ถึงแม้จะมีการปฏิรูปแบบพวงหรีดชนิดต่างๆเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่พวงหรีดดอกไม้สดยังคงครองอันดับหนึ่งของพวงหรีดที่ได้รับความนิยมอยู่ ไม่ว่าท่านใดจะใช้พวงหรีดแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาที่ผู้ให้ ว่าต้องการความสวยงาม หรือต้องการให้พวงหรีดนั้นได้ใช้ประโยชน์ได้ต่อ ไม่ว่าจะพวงหรีดแบบไหนก็มีความหมายสำคัญในตัวของมันเอง ดังนั้น เราควรจะเลือกใช้พวงหรีดให้เหมาะสมกับบุคคล